การตลาดออนไลน์ช่วง 2-3 ปีนี้เปลี่ยนไวแทบทุกวัน มีเทรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา เรามาถึงยุคที่ทุกอย่างขายได้บนโลกออนไลน์ มีบริการส่งถึงบ้านแทบทุกสิ่งที่เราต้องการ และล่าสุดเรากำลังจะเข้าสู่เทรนด์ใหม่ของการซื้อขายจ่ายเงิน “Buy Now Pay Later” หรือ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เทรนด์นี้เป็นยังไงและจะน่าสนใจยังไง ลองไปดูกันครับ
Buy now pay later! คืออะไร
จริงๆต้องบอกว่าลักษณะการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เป็นอะไรที่คนไทยอาจจะคุ้นเคยตั้งแต่โบราณ เราอาจได้ยินคำว่า “ตึ้งไว้ก่อน” “แปะไว้ก่อนนะ” เดี๋ยวค่อยมาจ่าย จริงๆคอนเซปของเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับแบบนั้นล่ะครับ เพียงแต่ว่าบนโลกออนไลน์ เราจะไว้ใจให้คนติดเงินค่าสินค้ากับเราได้ยังไง ยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่ “ไม่มีบัตรเครดิต”
และนี่ล่ะ คือช่วงเวลาที่ Buy now pay later กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้คน
ในการซื้อของออนไลน์ก่อนหน้านี้ เรามีทางเลือกชำระเงินได้หลายรูปแบบ ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือกระเป๋าเงินต่างๆไม่ว่าจะ true wallet / Shopee Pay / Rabbit Line Pay และอีกสาระพัดอย่าง แต่ทั้งหมดก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบง่ายๆคือ ผูกกับบัตรเดบิตและต้องมีเงินเพียงพอเพื่อชำระค่าสินค้า หรือผูกกับบัตรเครดิต ซึ่งจ่ายก่อนแล้วค่อยไปรอชำระตามรอบบิล
ซึ่งก็ดูเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน แต่ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้นี่เองครับ เพราะ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำบัตรเครดิตได้ และร้านค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมให้บัตรเดบิตผ่อนชำระเงิน
กลุ่มคนที่ไม่มีบัตรเครดิตเลยเกิดภาวะเปลี่ยนใจกลางอากาศ เลือกที่จะไม่ซื้อของที่อยากได้ เพียงเพราะยังไม่อยากเสียเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว (ถึงแม้จริงๆเค้าจะมีเงินเพียงพอก็ตาม) ตรงนี้นี่เองที่หลายบริษัททางการเงินเริ่มเล็งเห็นช่องโหว่ และเปิดบริการใหม่เพื่อรองรับให้คนกลุ่มนี้ขึ้นมา และนั่นก็คือ “Buy now pay later” นั่นเอง
Buy now pay later! ทำงานยังไง?
Buy now pay later หรือเรียกย่อๆว่า BNPL มีลักษณะโดยนิยามไม่ต่างจากบัตรเครดิตมากนัก คือเป็นลักษณะของการซื้อของ และผ่อนชำระภายหลัง เพียงแต่จุดที่ทำให้ต่างมากขึ้นคือ BNPL เป็นบริการที่มีผู้ให้บริการหลากหลาย และไม่ใช่แค่ธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ E-Commerce ต่างๆที่ทยอยเปิดฟังค์ชัน BNPL กันมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น
- Shopee SPay Later
- Lazada Buy Now Pay Later
- Alibaba
- และอื่นๆอีกมากมาย
ด้วยความที่บริการนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดของเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้ส่วนมากมักจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม ลูกค้าสามารถผ่อนจ่ายตามขั้นต่ำได้โดยแทบไม่โดนดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งขั้นตอนการสมัครใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาอนุมัติไว ทำให้ BNPL กำลังจะกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่จะมาแทนที่การใช้งานบัตรเครดิตแบบเดิมๆได้เลย
ธุรกิจอื่นๆที่เริ่มหันมาทำ BNPL
ไม่ใช่แค่กลุ่มเว็บไซต์ E-Commerce แต่ธุรกิจสาธารณูปโภคมากมายก็เริ่มจับตลาด BNPL มากขึ้น อาทิเช่น
- PTT จับมือกับ Kasikorn ลูกค้าที่เติมน้ำมันสามารถจ่ายผ่านบริการ K Pay Later “เติมก่อนจ่ายทีหลัง” ได้เลย
- ศรีสวัสดิ์ แตกธุรกิจมาทำบริการ BNPL สำหรับกลุ่มประกันภัยโดยเฉพาะ
ยังมีธุรกิจและบริการอื่นๆอีกมากมายที่กำลังทยอยปรับตัวเพื่อตอบรับพฤติกรรม “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา ปีนี้ 2022 รับรองมีอีกหลายบริการแน่นอนครับที่จะปรับตัวให้เราได้เห็นกัน
แล้ว SME จะเริ่มต้นยังไงดี
ดูมาถึงตรงนี้ก็พอจะเห็นภาพของ BNPL มากขึ้น แต่สำหรับ SME อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปมั๊ย เสี่ยงเกินไปรึเปล่าที่จะรับรองการจ่ายเงินแบบนี้ ส่วนตัวผมเองมองว่าเทรนด์นี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าเราไม่รีบทำความเข้าใจหรือหาวิธีเข้าร่วมภายในปีนี้ อาจจะทำให้เราเสียโอกาสไปมากมายได้เลยครับ
สำหรับ SME เอง เบื้องต้นผมขอแนะนำบริการน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราได้ไม่นาน บริการนี้มีชื่อว่า Atome (ออกเสียว่า “อะ-โท-มี) เป็นบริการออนไลน์ที่รับทำเรื่อง “Buy now pay later” โดยเฉพาะเลย ข้อดีคือสมัครใช้งานไม่ยาก มีภาษาไทย ติดต่อประสานงานง่าย และทดลองใช้งานได้ฟรี! สำหรับ SME ผมอยากให้ลองติดต่อสอบถามกับ Atome ดูนะครับ // บอกไว้ก่อนว่าเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับทาง Atome นะ แค่เคยทดลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันเวิคเลยมาแนะนำครับ
ใครสนใจอยากใช้งาน Atome ลองติดต่อสอบถามไปได้เลย คลิกตรงนี้นะ
สรุป
กล่าวโดยสรุป BNPL หรือบริการชำระเงินแบบ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” มาแน่ และใครปรับตัวได้ไวก็ได้เปรียบแน่นอน ลองศึกษาเพิ่มเติมและหาวิธีปรับใช้กับธุรกิจของคุณดูนะครับ // ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
Creative Director ถนัดเรื่อง Branding และการตลาดออนไลน์ ชอบติดตามข่าวสารอัพเดทวงการดิจิตอลอยู่เสมอๆ มีอะไรใหม่ๆน่าสนใจก็จะเอามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันนะครับ